สถานการณ์ไวรัส Covid-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้กิจกรรมทุกอย่างบนโลกถูกปรับเปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต วิธีการทำงาน การใส่ใจในสุขอนามัยมากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนวิธีดำเนินธุรกิจ จึงมีคำศัพท์ใหม่สำหรับการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ว่า New Normal ซึ่ง New Normal ของแต่ละคน แต่ละครอบครัว แต่ละสังคม และแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกันออกไป
Bill Gross ผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ชาวอเมริกัน คือผู้ที่นำคำว่า “New Normal” มาใช้อธิบายถึงสภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอเกอร์ในสหรัฐอเมริกาช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2550 - 2552 วิกฤติเศรษฐกิจจะมีรูปแบบที่เป็นวงจร เมื่อเศรษฐกิจเติบโตไปได้ช่วงระยะหนึ่ง จะมีปัจจัยที่ทำให้เกิดฟองสบู่ แล้วก็เกิดเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจตามมา หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจไม่นานเศรษฐกิจก็จะเริ่มฟื้นตัว แล้วก็กลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้งในระยะเวลาไม่นาน รูปแบบนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ถือเป็นเรื่อง Normal ของเศรษฐกิจทั่วโลก
แล้ว New Normal ของสายการบินนั้นคืออะไร ?
New Normal ของสายการบินหรืออาจจะต้องเรียกว่า New Rules เพราะนี่คือ กฎระเบียบและขั้นตอนของการปฏิบัติงานที่ทุกคนต้องทำตาม อาทิ
การตรวจเช็คอุณหภูมิของลูกเรือและผู้โดยสารทุกคน ต้องไม่เกิน 37.3 องศา
การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในทุกขั้นตอนเช่น การต่อแถว Check-in เว้นที่นั่งภายในสนามบิน เว้นที่นั่งภายในเครื่องบิน
ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือ อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตา (Face shield) เพื่อเลี่ยงการสัมผัสกับผู้โดยสาร
ผู้โดยสารขาเข้าทุกคนจะต้องดำเนินการกรอกแบบสำรวจการเดินทาง (ต.8 คค.) หรือแบบฟอร์มของสาธารณสุขจังหวัด ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเก็บข้อมูลในการเดินทาง
เจ้าหน้าที่พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารก่อนจุดรับกระเป๋าทุกเที่ยวบิน
ตั้งจุดบริการเจล แอลกอฮอร์ล้างมือตามจุดต่างๆ
สายการบินออกแบบยูนิฟอร์มใหม่เพื่อป้องกันลูกเรือจากไวรัส Covid-19
บางสายการบินประกาศปรับลดน้ำหนักสัมภาระที่ผู้โดยสารนำขึ้นเครื่องโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายลง
นอกจากนี้ยังมีกฎหรือมาตรการอื่นๆ ตามคำสั่งของแต่ละจังหวัด
ขั้นตอนการตรวจเช็คด้านสุขภาพที่เป็นไปตาม New Normal ของสายการบินนั้น ทำให้ผู้โดยสารอาจจะต้องเผื่อเวลามายังสนามบินเพิ่มมากขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจเช็คทั้งด้านสุขภาพและด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบด้านการบิน นอกจากเรื่องเวลาที่ต้องใช้มากขึ้นแล้ว ผู้โดยสารอาจจะต้องจ่ายค่าตั๋วแพงกว่าสถานการณ์ปกติ เนื่องจากการปฏิบัติตาม New Normal ส่งผลให้บางสายการบินต้องปรับราคาตั๋วเครื่องบินสูงขึ้น ทำให้ผู้โดยสารบางคนเลือกใช้การขนส่งหรือยานพาหนะชนิดอื่นทดแทนการโดยสารเครื่องบินเช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถไฟ เป็นต้น ซึ่งวิกฤติครั้งนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับธุรกิจสายการบินเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการกลับมาเปิดให้บริการของสายการบินภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ก็ยังเป็นสัญญาณที่ดีว่าบุคลากรด้านการบินบางคนจะกลับมามีรายได้อีกครั้ง และเป็นการบ่งบอกว่าผู้โดยสารยังคงมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยระหว่างการเดินทางโดยเครื่องบิน
New Normal ของการบินข้างต้นคงจะกลายเป็นเรื่องปกติในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ทุกคนคงไม่ปฏิเสธที่จะทำตามกฎระเบียบดังกล่าว แต่สำหรับสายการบินแล้ว กฎระเบียบดังกล่าวนั้นคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับรายได้ที่ลดลง แม้สายการบินภายในประเทศจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ แต่ผู้โดยสารที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางก็เลื่อนการเดินทางออกไป หรือก่อนหน้านี้บางสายการบินใช้กลยุทธ์เพิ่มจำนวนที่นั่งในเส้นทางที่มีผู้โดยสารต้องการเดินทางจำนวนมาก แต่พอต้องปฏิบัติตาม New Normal ทำให้มีความจำเป็นต้องเว้นที่นั่งและงดให้บริการอาหาร เครื่องดื่มบนเที่ยวบิน จึงทำให้รายได้ต่อเที่ยวบินลดลง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินอย่าง Duty Free ก็มียอดขายที่ลดลง จนต้องพลิกกลยุทธ์มาขายสินค้าในช่องทาง Online เพื่อรักษาสถานะทางการเงินและบุคลากรเอาไว้
จากการคาดการณ์ขององค์กรทางการแพทย์คาดว่าไวรัส Covid-19 คงจะอยู่กับเราไปจนถึงปลายปี 2563 หรืออาจจะนานกว่านั้น ดังนั้นการใช้ชีวิตในแบบ New Normal ก็อาจจะเป็นเรื่อง Normal ในอนาคตหลังจากที่มนุษย์สามารถเอาชนะไวรัส Covid-19 ได้ New Normal ไม่ได้เป็นเทร็นด์ในการใช้ชีวิต แต่มันคือการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์
อ้างอิง
Commentaires